วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บทความ

บทความเกี่ยวกับยา
ยา เป็นวัตถุที่รับรองไว้ในตำรายาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ, วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการวินิจฉัย บำบัด บรรเทา รักษา หรือป้องกันโรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์หรือสัตว์, วัตถุที่เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์หรือเภสัชเคมีภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป หรือวัตถุที่มุ่งหมายสำหรับให้เกิดผลแก่สุขภาพ โครงสร้างหรือการกระทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์
ลิงก์
ยา

วิดิโอ


วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วีดีโอ3


วีดีดอ2


วีดีโอ1


ลิงก์10


ยาสามัญประจำบ้าน

ลิงก์9


การใช้ยา

ลิงก์8


ยาสมุนไพร

ลิงก์7


ยาแผนปัจจุบัน

ลิงก์6


ยาแผนโเบราณ

ลิงก์5


ยาแผนโบราณไทย

ลิงก์4


ยาเเผนโราณ

ลิงก์3


ยาเเผนปัจจุบัน

ลิงก์2

ยาสามัญประจำบ้าน

ลิงก์1

ยาคืออะไร

ยาแผนปัจจุบัน

    
                      ยาแผนปัจจุบัน คืออะไร
             

                              ยาแผนปัจจุบันคือ ยาที่ใช้กันในปัจจุบัน โดยอาศัยพื้นความ-รู้จากยาแผนโบราณ มีการแยกแก่นยา (ตัวยาสำคัญ)
                      ที่มีในพืช หรือสัตว์ มาทำให้บริสุทธิ์ ตามกรรมวิธีแผนใหม่ หาสูตรโครงสร้าง และสังเคราะห์เลียนแบบสูตรที่หา
                      ได้ตลอดจนทำการสังเคราะห์ยาขึ้นใหม่ เพื่อให้ได้ยาที่มีคุณภาพดี และมีพิษน้อย

                      ตัวอย่างยาแผนปัจจุบันจากแหล่งต่างๆ มีดังต่อไปนี้

                      ยาจากพืช ได้แก่ แอลคาลอยด์ (ควินิน) ไกลโค-ไซด์ (ดิจิตาลิส) น้ำมันหอมระเหย (น้ำมันกานพลู)
           
                      ยางเรซิน (กำยาน) ยางกัม (อะเคเซีย) และ แทนนิน หรือกรดแทนนิค (ยาสมานแผล)

                      ยาจากสัตว์ ได้แก่ แคลเซียม (กระดูก เขา) อินซูลิน (ตับอ่อน) วิตามินเอ (ตับปลา) ฯลฯ

                      ยาจากเกลือแร่ ได้แก่ ไอโอดีน (ได้จากเกลือ-สมุทร) โซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง) แมกนีเซียม-ซัลเฟต (ดีเกลือ) ฯลฯ

                      ยาจากจุลชีพ ได้แก่ ยาปฏิชีวนะต่างๆ (สเตรป-โตไมซิน)

                      ยาจากการสังเคราะห์ ได้แก่ ยากึ่งสังเคราะห์หรือ ยาสังเคราะห์ทั้งหมด เช่น ยาปฏิชีวนะ ดิจิตาลิส ฮอร์โมนบางชนิด ฯลฯ

ยาสามัญประจำบ้าน

โครัยซาล ฟอร์ท
  • สรรพคุณ
    ลดไข้ แก้อาการหวัด ทำให้น้ำมูกแห้ง
  • วิธีการใช้
    รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง วันละไม่เกิน 4 เม็ด หรือตามแพทย์สั่ง
  • คำเตือนยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม ไม่ควรขับขี่ยานยนต์ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ห้ามใช้ยานี้ติดต่อกัน นานเกิน 5 วัน เนื่องจากมีพิษต่อตับ

ยาเม็ดเฟอร์รัสซัลเฟท
  • สรรพคุณ
    รักษาและป้องกันโรคโลหิตจาง เนื่องจากขาดธาตุเหล็ก
  • วิธีการใช้
    การป้องกัน รับประทานครั้งละ 1 เม็ด
    การรักษา รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร ถ้ารับประทานควบกับยาเม็ดวิตามินซี จะได้ผลดียิ่งขึ้น

น้ำมันยูคาลิปตัส
  • สรรพคุณ
    แก้หวัด คัดจมูก
  • วิธีการใช้
    ใช้สูดดม เพื่อให้โล่งจมูก
  • คำเตือน
    ยาภายนอก ห้ามรับประทาน

ยาล้างตาโบริค
  • สรรพคุณ
    สำหรับล้างตา เพื่อช่วยรักษาตา ตาอักเสบต่างๆ
  • วิธีการใช้
    ใช้ล้างตา วันละ 2-3 ครั้ง
  • คำเตือน
    ยาภายนอก ห้ามรับประทาน

แอลกอฮอล์
  • สรรพคุณ
    ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรค ล้างมือ
  • วิธีการใช้
    ใช้ล้างเครื่องมือ ทำความสะอาดบาดแผล เพื่อฆ่าฌชื้อโรคที่ผิวหนัง โดยใช้สำลีชุบน้ำยาเช็ดลาดแผล
  • คำเตือน
    ยาใช้ภายนอก ห้ามรับประทาน

ยาธาตุน้ำแดง
  • สรรพคุณ
    แก้ปวดท้องเนื่องจากจุกเสียด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ และช่งยเจริญอาหาร
  • วิธีการใช้
    ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง เด็กลดขนาดตามส่วน

มิสท์ สกิลล์ แอมมอน
  • สรรพคุณ
    บรรเทาอาการไอ ช่วยขับเสมหะ
  • วิธีการใช้
    ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง เด็กรับประทาน 1 ช้อนชา วันละ 3 ครั้ง
  • คำเตือน
    อาจเสพติดและให้โทษได้ ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 7 วัน โปรดเขย่าขวดก่อนดื่ม

ยาแก้ไอน้ำดำ
  • สรรพคุณ
    บรรเทาอาการไอ แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ
  • วิธีการใช้
    ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือจิบบ่อยๆ เด็ก อายุ 6-15 ปี ครั้งละ 14 ช้อนชา วันละ 3 ครั้ง
  • คำเตือน
    ห้ามใช้ยานี้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี และในคนชรา ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 3 วัน โปรดเขย่าขวดก่อนดื่ม

ยาระบาย ฟารัฟฟิน
  • สรรพคุณ
    ใช้รับประทานเป็นยาระบายท้อง แก้ท้องผูก
  • วิธีการใช้
    ขนาดรับประทาน ผู้ใหญ่ครั้งละ 1-2 ช็อนโต๊ะ ก่อนนอนหรือตื่นนอนเช้า
  • คำเตือน
    ถ้าเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หรือคลื่นไส้อาเจียน ห้ามใช้ยานี้ โปรดเขย่าขวดก่อนดื่ม

มิกซเจอร์ บิสมัธ-โซดา
  • สรรพคุณ
    รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการแน่นท้อง เรอเปรี้ยว ปวดท้อง ท้องเสีย เนื่องจากอาหารไม่ย่อย
  • วิธีการใช้
    ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-6 ครั้ง เด็กลดขนาดตามส่วน

ข้อดี
1. สะดวก
2. ปลอดภัย เพราะพิษยาบางส่วนถูกทำลายโดยตับ
3. ประหยัด
4. ถ้าคนใช้แพ้ยา อาการจะไม่รุนแรง
ข้อเสีย
1. ยาอาจระคายเคืองกระเพาะ
2. ยาอาจถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะ
3. ยาอาจถูกรบกวนการดูดซึมโดยอาหารในกระเพาะ
4. ใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยที่หมดสติ หรืออาเจียน
  • ยาฉีด
ข้อดี
1. ออกฤทธิ์เร็ว
2. ใช้ได้ในผู้ป่วยหมดสติ อาเจียน หรืออาการหนัก
3. ใช้ได้ในยาที่ไม่ดูดซึม หรือยาที่ถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะ
ข้อเสีย
1. ถ้าฉีดเร็ว จะมีอันตรายต่อระบบหมุนเวียนโลหิต
2. ถ้าแพ้ยา มักเกิดอาการรุนแรงถึงตายได้
3. ถ้าเครื่องมือและเข็มไม่สะอาด จะเกิดแผลติดเชื้อ (ฝีหัวเข็ม)
4. ถ้าฉีดไม่ชำนาญ อาจทำลายเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาต
5. ค่าใช้จ่ายแพง ยุ่งยาก
6. คนไข้เจ็บตัว

วิธีการใช้ยา

แบ่งเป็น 3 พวกใหญ่ๆ
1. วิธีให้ยาโดยผ่านระบบทางเดินอาหาร
ก. การกิน
ข. การเหน็บทางทวารหนัก
2. วิธีฉีด
ก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ข. ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
ค. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ง. ฉีดเข้าหลอดเลือดแดง
3. วิธีอื่นๆ
ก. การสูดดมและการพ่น
ข. การอมใต้ลิ้น
ค. การทาเฉพาะที่
ง. การเหน็บทางช่องคลอด
จ. การให้ยาโดยวิธีพิเศษ
เปรียบเทียบยากิน – ยาฉีด
  • ยากิน

ยา คือ สารหรือสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อร่างกาย ทำให้มีผลในการ
  • ป้องกันโรค
  • ส่งเสริมสุขภาพ
  • บำบัด บรรเทา รักษาโรค
  • วินิจฉัยโรค
ประเภทของยา
แบ่งตามแหล่งกำเนิด
1. ยาสังเคราะห์จากสารเคมี
2. ยาสมุนไพร - พืช เช่น ใบมะขามแขก
                       - สัตว์ เช่น ดีหมี ตับปลา
                       - แร่ธาตุ เช่น ดินขาว ดีเกลือ
แบ่งตามการออกฤทธิ์
เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อรา ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ ยาโรคหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ
แบ่งตามพระราชบัญญัติยา
1. ยาแผนปัจจุบัน
2. ยาแผนโบราณ
3. ยาอันตราย
4. ยาควบคุมพิเศษ
5. ยาสามัญประจำบ้าน
6. ยาสมุนไพร
7. ยาบรรจุเสร็จ
แบ่งตามรูปแบบ
  • รูปแบบแข็ง
ได้แก่ ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาอม ยาอมใต้ลิ้น ยาผง ยาเหน็บ
  • รูปแบบของเหลว
ได้แก่ ยาน้ำใส ยาน้ำแขวนตะกอน ยาอีมัลชั่น ยาโลชั่น ยาน้ำเชื่อม ยาทิงเจอร์ ยาทาถูนวด
  • รูปแบบอื่นๆ
ได้แก่ ขี้ผึ้ง ครีม ยาพ่น ยาดม ยาฉีด